วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

สนทนากับกาน้ำชา ครั้งที่ ๒ วันที่ ๒๘ ส.ค. ๒๕๕๒ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ วงน้ำชาขอนแก่น

ครั้งที่ ๒ แล้ว วันนี้สมาชิกของเราไม่ค่อยจะเหมือนเดิมสักเท่าไหร่ เนื่องจากหลายคนติดธุระ แต่ไหนๆ ข้าพเจ้าก็จริงจังและชอบมากขนาดนี้ เลยตั้งตัวเองเป็นผู้ติดตาม บรรยายสถานการณ์ซะเลย

ต้องขออภัยล่วงหน้า เนื่องจากมือใหม่มากๆ เกรงว่าความสามารถในการฟัง จดจำ และตีความอาจจะไม่สมบูรณ์ครบถ้วน หรือแปลผิดไปจากความตั้งใจของผู้พูด ทั้งนี้มีหลายเหตุปัจจัย แต่อย่างไรก็ตาม จะพยายามมองในแง่ดีที่สุด และไม่ให้ต้องมีใครได้รับความเสียหายจากเนื้อความในนี้

กิจกรรมนี้จะให้ทุกคนเขียนคำถามอะไรก็ได้ ครั้งนี้คนละ ๒ ข้อ พับใส่กาน้ำชา แต่ละคนจับคำถามขึ้นมาให้ทุกคน ตอบ โดยมีข้อแม้ว่า ขณะที่คนอื่นกำลังพูด จะต้องตั้งใจฟัง สมาชิกวันนี้ได้แก่ อ.ดี ทิพย์ ผึ้ง เฮียลื้อ พี่ชิว พี่ย้ง พี่ยอด น้ำเต้า คำถามในวันนี้ มีดังนี้

"พรุ่งนี้ฝนจะตกมั้ย?"
อ่า...ฟังปุ๊บนึกในใจ 'ใครจะไปรู้' ที่นึกอย่างนี้เพราะไม่ได้มีความจำเป็นอะไรเลยเกี่ยวกับฝน แต่ผู้ถามอยากรู้เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเดินทาง คงจะดีถ้าเกิดพรุ่งนี้ท้องฟ้าแจ่มใสตลอดการเดินทาง ในแต่ละคนก็มีหลากหลายเหตุผล แต่ส่วนใหญ่จะตอบว่า ไม่รู้ ก็เนื่องจากว่าไม่มีใครรู้จริงๆ เป็นไปได้ทั้งนั้น

"ปีหน้าจะได้ทำโรงเรียนมั้ย?"
คำว่าโรงเรียน อาจเข้าใจไปในที่ต่างกัน แต่ก็น่าจะเป็นสิ่งที่วางแผนว่าจะทำ ถามว่าปีหน้าจะได้ทำมั้ย ถ้าวางแผนว่าจะทำก็คงได้ทำแน่นอน

"ทำไมต้องมีเรื่องลี้ลับบนโลกนี้ด้วย เช่น ตายแล้วไปไหน?"
พี่ย้งบอกว่า เรื่องลี้ลับจริงๆ แล้วไม่มีหรอก มีแต่เรื่องที่เราไม่รู้ เพราะไม่รู้ จึงลี้ลับ ถ้ารู้แล้วคงไม่ลี้ลับอีกต่อไป พี่ยอดพูดถึงกรอบความคิด (ไม่แน่ใจว่าใช่คำถามนี้มั้ย แต่พี่ยอดพูดถึงเรื่องนี้ในหลายคำถาม) เพราะว่าคนเรามีกรอบความคิดอยู่แล้ว จึงได้แปลสิ่งที่เห็นตามกรอบความคิดเดิมของตัวเอง

"อีก ๑๐ ปีข้างหน้าคิดว่าโลกของเราจะเป็นอย่างไร?"
คำตอบมีมากมายหลากหลาย อ.ดี บอกเกี่ยวกับข้อมูลที่น่าเป็นห่วงและควรจะตระหนักให้มากถึงวิกฤตที่โลกเรากำลังจะต้องเจอ พี่ชิวพูดถึงความเชื่อมั่นในสิ่งดีๆ ถ้าเราเชื่อว่าดี สิ่งดีๆ จะตามมา สำหรับข้าพเจ้าเองคิดว่า ก็ยากจะจินตนาการ เพราะ ๑๐ ปีที่แล้วก็ไม่เคยฝันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ คงต้องรอดู เพราะ ๑๐ ปีก็แค่แปปๆ

"อะไรที่ง่ายที่สุดสำหรับชีวิต?"
เหมือน จะง่าย แต่ไม่ง่ายที่จะนึกออกเลย เพราะว่าคนเราจำแต่สิ่งที่ยาก และมันก็มีซะมากมาย เฮียลื้อตอบว่า ก็หายใจสิ เออ จริงด้วย น่าจะง่ายที่สุดแล้วนะ จำเป็นต่อชีวิตด้วย เหมือนไม่ได้ทำอะไร มีน้องตอบว่า ของไหล ไหลไปตามยถากรรม อาจจะง่ายตอนนี้ แต่ยากทีหลัง

"ปรับหรือเปลี่ยน สิ่งไหนเราควรทำเมื่อต้องอยู่กับคนรอบข้าง?"
ข้อนี้ผู้เขียนคำถามจับได้เอง จึงได้ตอบเป็นคนแรก และดูเหมือนจะได้ข้อสรุปเองแล้ว นั่นคือ ควรจะปรับมากกว่า แต่ไม่ว่ายังงัยก็ยังสงสัยในคำนิยามของทั้ง ๒ คำ คือ ปรับ และ เปลี่ยน ปรับบางทีอาจจะคือเปลี่ยนก็ได้มั้ง แต่คงไม่มากเท่าไหร่ แต่ไม่ว่ายังงัยก็แล้วแต่ อ.ดี ให้ใช้ความเข้าใจบุคคลมากกว่า ถ้าเราเข้าใจเค้า เข้าใจเหตุผลของเค้า เราก็จะไม่โกรธเค้า พร้อมทั้งยกตัวอย่างในการได้ไปคุยกับผู้ที่มีอาชีพบางอย่างที่เรามองว่าไม่ดี (ที่เขียนอย่างนี้เพราะไม่อยากจำกัดเฉพาะบางอาชีพ แต่อยากให้หมายถึงทุกอาชีพที่แต่ละคนมองไม่ดี อย่างข้าพเจ้าเฉยๆ กับอาชีพขายบริการ แต่ไม่ชอบคนที่ทำอาชีพฆ่าสัตว์) ซึ่งเค้าก็คงมีเหตุผลส่วนตัวของเค้า ถ้าเราเข้าใจเค้า เราก็อาจเปลี่ยนมุมมองและการกระทำต่อเค้าได้

"มีวิธีหรือเทคนิคอะไรบ้างที่จะทำให้มีสติตลอดเวลา แล้วก็สามารถบังคับตัวเองได้?"
อยากขอบคุณคนถามจังซึ่งข้าพเจ้าก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ละคนก็มีเทคนิคต่างๆ กัน วันนี้ได้มาหลายเทคนิคเลย แต่ไม่ว่ายังงัย บางเทคนิคก็อาจใช้ได้ดีกับเฉพาะบางคน ให้หาเทคนิคที่เข้ากับเราที่สุด

สุดท้าย "แต่ละวันมีความหมายอย่างไร?"
ความหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย อาจจะเป็นด้วยเหตุผลและความรู้สึกส่วนตัวที่เผชิญ แตกต่างกัน ต่างคนต่างก็มีสิ่งสำคัญไม่เหมือนกัน นี่ละมั้ง ข้าพเจ้าถึงได้มาเรียนรู้หลายๆ มุมมอง

คำถามครั้งนี้หนักกว่าครั้งที่แล้วมากๆ อาจจะขึ้นอยู่กับผู้ร่วมวง แต่ก็น่าคิดว่า คำถามมันดึงดูดพวกเดียวกันหรือป่าว เพราะที่ข้าพเจ้าตั้ง ไม่ใช่แนวนี้เลยไม่ได้ถูกจับขึ้นมา

แต่ละครั้งก็มีเหมือนกันความเป็นวงนั้นๆ เองซึ่งไม่เหมือนกัน ที่ข้าพเจ้าชอบเนื่องจากจะได้ฟังและแสดงความคิดของตัวเอง การได้มาฟังมุมมองของคนอื่นทำให้เราได้คิดในสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อน หรืออาจจะเคยลืมไป ที่ อ.เป็ดบอกว่าคนอื่นเหมือนเป็นกระจกเงาส่องตัวเอง เราจะเห็นตัวเองในคนอื่น หรือบางที คนที่เราคุยด้วยทุกวัน ในวันนี้ก็ได้รู้จักอีกด้านหนึ่งซึ่งเราไม่เคยเห็นมาก่อนก็ได้ ขอเพียงแต่ลองฟังอย่างตั้งใจ และไม่ตัดสิน ก็น่าจะที่จะช่วยพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ สิ่งที่สังเกตได้ในช่วงแรกๆ ไม่ว่าใครก็ยังไม่มีสมาธิอยู่กับวง แต่พอผ่านไปสักพัก จะเริ่มนิ่งและตั้งใจฟังมากขึ้น ในวันนี้ยอมรับว่า ยังมีอีกหลายความคิดดีๆ ที่จำไม่หมด และครั้งนี้ข้าพเจ้ามีความคาดหวัง ซึ่งตั้งใจจะตอบมาก ทำให้ฟังได้น้อย เนื่องจากคอยคิดอยู่เสมอว่าจะตอบแบบไหน บางทีก็ต้องคอยเตือนตัวเองให้อยู่กับปัจจุบันบ่อยๆ ทีหลังขอแก้ตัวว่าจะฟังให้มากขึ้น ขออภัยที่เขียนยาวและลงรายละเอียด (ที่ไม่ค่อยละเอียด) แค่อยากจะบันทึกเอาไว้ เผื่อวันหลังจะได้กลับมารำลึกถึง บางข้อก็ไม่ค่อยเข้าใจ อาจจะเป็นที่วัยและประสบการณ์ แต่เชื่อว่า พอถึงจุดๆ หนึ่งที่ทุกอย่างพร้อม น่าจะเข้าใจอย่างกระจ่างได้

บทความรจนาโดยคุณทิพย์ วงน้ำชาขอนแก่่น วันที่ ๑ ส.ค. ๒๕๕๒

2 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอขอบคุณ คุณทิพย์มากๆ น่ะครับที่ช่วยบันทึกเรื่องราวดีๆ และนำมาแบ่งปันร่วมกัน ณ พื้นที่ทางความคิดแห่งนี้
เรามาร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีร่วมกันน่ะครับ

ขอสันติสุขจงมีแต่ท่าน
สมาชิกวงน้ำชา

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดีใจที่มีวงน้ำชาให้มาสนทนากันที่ขอนแก่นแล้ว เป็นการเปิดโลกของความคิดอิสระ หากมีคนใจกว้างแบบนี้เกิดขึ้นจะช่วยในคนที่มีอัตตาลดลง เด็กๆขอนแก่นคงโชคดี